Uji Matcha คืออะไร? ทำไมใครหลายคนยกย่องเป็นมัทฉะที่ดีที่สุดในโลก

#Mingle

Uji Matcha คืออะไร? ทำไมใครหลายคนยกย่องเป็นมัทฉะที่ดีที่สุดในโลก

มัทฉะ (Matcha) เป็นชาเขียวผงที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่หากพูดถึงมัทฉะที่ดีที่สุด ก็ต้องเป็น “Uji Matcha” ด้วยประวัติศาสตร์การปลูกชาอันยาวนานกว่า 800 ปี และในบทความนี้ เราพาคุณไปรู้จักกับมัทฉะชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง หากคุณเป็นคนรักชาเขียว หรือกำลังมองหามัทฉะคุณภาพสูง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกมัทฉะที่ดีที่สุดได้อย่างมั่นใจ


ชาเขียวผงระดับพรีเมียมที่มีต้นกำเนิดจากเมืองอุจิ (Uji) จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งชื่อ “Uji Matcha” มาจากการรวมกันของชื่อแหล่งผลิต คือเมืองอุจิ และคำว่า “Matcha” ซึ่งหมายถึงชาเขียวผงที่ผ่านกระบวนการบดละเอียด เมืองอุจิถือเป็นแหล่งผลิตชาที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น มีประวัติศาสตร์การปลูกชายาวนานกว่า 800 ปี ความสำคัญของเมืองอุจิต่อวงการชาญี่ปุ่นนั้นเทียบได้กับความสำคัญของแคว้นบอร์โดต่อวงการไวน์ฝรั่งเศส

เมืองอุจิตั้งอยู่ระหว่างเกียวโตและนารา มีแม่น้ำอุจิไหลผ่าน สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นี้ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเพาะปลูกชาคุณภาพสูง มัทฉะจากเมืองอุจิจึงได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพและรสชาติที่เหนือกว่ามัทฉะจากแหล่งอื่น

เทคนิคการผลิตมัทฉะชนิดนี้เป็นการปลูกแบบบังแสงแดด ที่เป็นกระบวนการยาวนานตั้งแต่ปี 1738 เทคนิคนี้ทำให้ได้ใบชาที่มีคุณภาพสูง ได้รสชาติชาที่อูมามิ (umami) เข้มข้น และมีสีเขียวสดใส

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมืองอุจิได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งผลิตชาชั้นเลิศ จนในสมัยโชกุนโทคุกาวะ (Tokugawa Shogunate) ชาจากเมืองอุจิถูกกำหนดให้เป็นชาที่ใช้ถวายจักรพรรดิญี่ปุ่นโดยเฉพาะ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพอันเป็นที่ยอมรับมาตั้งแต่อดีต

ทำไม Uji Matcha ถึงถือว่าเป็นมัทฉะที่ดีที่สุด?

รูปภาพจาก : MATCHA.COM 


เมืองอุจิมีปัจจัยทางธรรมชาติที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการปลูกชาคุณภาพสูง เพราะเมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีหมอกปกคลุมบ่อยครั้ง มีอุณหภูมิที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างกลางวันและกลางคืน ช่วยให้ต้นชาเจริญเติบโตอย่างช้า ๆ แต่สะสมสารอาหารได้มาก

ดินในพื้นที่เมืองอุจิมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเติบโตของต้นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุเหล็กและแมกนีเซียมที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติและกลิ่นหอม นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำอุจิยังมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อการเพาะปลูกชาอีกด้วย

ชาวสวน Uji Matcha ยังคงยึดถือวิธีการปลูกและเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิมโดยเริ่มจากการคลุมต้นชาด้วยตาข่ายพรางแสง ประมาณ 20-30 วันก่อนการเก็บเกี่ยว และในการเก็บเกี่ยวใบชาที่มีคุณภาพสูงจะเลือกเก็บเฉพาะยอดอ่อนและใบอ่อน 2-3 ใบแรกเท่านั้น และมักเก็บในช่วงเช้าตรู่เพื่อรักษาความสดของใบชา 

ชาวสวน Uji Matcha ยังคงยึดถือวิธีการปลูกและเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิมโดยเริ่มจากการคลุมต้นชาด้วยตาข่ายพรางแสง ประมาณ 20-30 วันก่อนการเก็บเกี่ยว และในการเก็บเกี่ยวใบชาที่มีคุณภาพสูงจะเลือกเก็บเฉพาะยอดอ่อนและใบอ่อน 2-3 ใบแรกเท่านั้น และมักเก็บในช่วงเช้าตรู่เพื่อรักษาความสดของใบชา 

ใบชาที่ได้จะถูกนำไปอบแห้ง แยกก้านและเส้นใบออก เหลือเพียงเนื้อใบที่เรียกว่า “เทนชะ” (Tencha) เทนชะที่ได้จะถูกนำไปบดด้วยหินบดแบบดั้งเดิม หรือ “อิชิอุสุ” (Ishi-usu) ซึ่งหมุนอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนที่จะทำลายคุณภาพของชา ดังนั้นการบดเทนชะ 30 กรัมให้เป็นผงละเอียดอาจใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง

Uji Matcha มีเอกลักษณ์ทางประสาทสัมผัสที่โดดเด่น มีรสชาติที่สมดุลระหว่างความหวานธรรมชาติและความฝาดที่ไม่ขมจนเกินไป แต่มีความเข้มข้นที่ลงตัว และมีกลิ่นหอมที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นหญ้าสด ดอกไม้ ถั่ว และโน้ตของทะเล ความกลมกล่อมและชั้นเชิงของรสชาตินี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Uji Matcha ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านชาทั่วโลก

Uji Matcha แบ่งออกเป็นหลายเกรดตามคุณภาพและวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งแต่ละเกรดมีคุณลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน

เกรดพิธีการเป็น Uji Matcha คุณภาพสูงสุดที่ผลิตจากใบชาอ่อนที่เก็บเกี่ยวในช่วงแรกของฤดู และบดด้วยหินบดแบบดั้งเดิม มีสีเขียวสดใสเหมือนหยก เนื้อละเอียดนุ่มเหมือนแป้ง มีกลิ่นหอมที่ซับซ้อนและรสชาติที่กลมกล่อม หวานธรรมชาติ มีความขมน้อย

มัทฉะเกรดนี้ดั้งเดิมใช้สำหรับพิธีชาญี่ปุ่น (ชาโดหรือซะโด) เท่านั้น แต่ปัจจุบันนิยมดื่มเป็นชาบริสุทธิ์ ชงด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ไม่นิยมนำไปผสมกับนม น้ำตาล หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่จะบดบังรสชาติอันประณีตของมัทฉะ

เกรดพรีเมียมมีคุณภาพรองลงมาจากเกรดพิธีการ แต่ยังคงมีคุณภาพสูง มีสีเขียวสดแต่อาจไม่สดใสเท่าเกรดพิธีการ เนื้อสัมผัสละเอียด มีรสชาติเข้มข้นกว่า อาจมีความขมเล็กน้อย แต่ยังคงมีความกลมกล่อม

มัทฉะเกรดนี้เหมาะสำหรับการดื่มเป็นชาบริสุทธิ์ในชีวิตประจำวัน หรือนำไปผสมเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น มัทฉะลาเต้ สมูทตี้ หรือใช้ในการทำเบเกอรี่คุณภาพสูงที่ต้องการรสชาติของมัทฉะที่แท้จริง

เกรดสำหรับทำอาหารมีหลายระดับคุณภาพ โดยทั่วไปผลิตจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดู หรือใบที่มีอายุมากกว่า มีสีเขียวออกเหลืองหรือออกน้ำตาล รสชาติเข้มข้นที่อาจมีความขมและฝาดชัดเจน

มัทฉะเกรดนี้เหมาะสำหรับการทำอาหาร ขนม ไอศกรีม ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น นม น้ำตาล หรือน้ำผลไม้ ความเข้มข้นของรสชาติช่วยให้รสมัทฉะยังคงโดดเด่นแม้จะผสมกับส่วนประกอบอื่น

ประโยชน์ของ Uji Matcha ต่อสุขภาพ

รูปภาพจาก : The Gate to KANSAI

มัทฉะชนิดนี้ไม่เพียงโดดเด่นด้านรสชาติและคุณภาพ แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ

Uji Matcha มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาเขียวทั่วไปถึง 137 เท่า โดยเฉพาะแคเทชิน (catechins) และอีพิกัลโลแคเทชินแกลเลต (EGCG) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง สามารถช่วยลดการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ มะเร็งบางชนิด และโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท

การที่เราบริโภคใบชาทั้งใบในรูปแบบผง ทำให้ได้รับสารอาหารและสารพฤกษเคมีจากใบชาอย่างครบถ้วน ต่างจากการชงชาทั่วไปที่สารอาหารบางส่วนยังคงอยู่ในกากใบชา

อูจิมัทฉะมีส่วนผสมพิเศษของคาเฟอีนและ L-theanine ในอัตราส่วนที่เหมาะสม คาเฟอีนในมัทฉะทีส่วนช่วยกระตุ้นความตื่นตัวและความมีสมาธิ แต่ด้วยการมี L-theanine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การทำงานของคาเฟอีนจึงเป็นไปอย่างนุ่มนวล ไม่ทำให้รู้สึกกระวนกระวายหรือใจสั่นเหมือนเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่น ๆ

การศึกษาวิจัยพบว่า L-theanine ช่วยเพิ่มคลื่นสมองแอลฟา (alpha waves) ซึ่งเชื่อมโยงกับภาวะผ่อนคลายแต่ตื่นตัว (relaxed alertness) เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ 

มีงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าสารในมัทฉะ โดยเฉพาะ EGCG ร่วมกับคาเฟอีน สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน (metabolism) และการเผาผลาญไขมัน (thermogenesis) การบริโภค Uji Matcha เป็นประจำ ร่วมกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้

การเลือกซื้อ Uji Matcha แท้ต้องอาศัยความรู้และความระมัดระวัง เนื่องจากราคาที่สูงทำให้มีการปลอมปนและการใช้ชื่อ “Uji” โดยไม่ได้มาจากเมืองอุจิจริง

มัทฉะต้องใช้การชงแบบพิเศษโดยใช้ไม้ตีชา (Chasen) เพื่อให้เกิดฟองนุ่มละเอียดและรสสัมผัสที่กลมกล่อม ส่วนโฮจิฉะสามารถชงด้วยน้ำร้อนได้เหมือนกับชาทั่ว ๆ ไป หรือจะนำไปทำเป็นลาเต้โดยผสมกับนมเพื่อเพิ่มความหอมมันก็ได้เช่นกัน

มัทฉะคุณภาพดีมีสีเขียวสดใส แต่ไม่ฉูดฉาดจนผิดธรรมชาติ (หากสีเขียวจัดเกินไปอาจมีการเติมสี) สีควรเป็นเขียวเข้มออกทางมรกต ไม่ใช่เขียวอมเหลืองหรือเขียวอมน้ำตาล

Uji Matcha มีกลิ่นหอมสดชื่น มีความซับซ้อน ไม่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นหืน หากเปิดบรรจุภัณฑ์แล้วได้กลิ่นหญ้าสด ดอกไม้ ถั่ว อาจมีโน้ตกลิ่นทะเลเล็กน้อย แสดงถึงคุณภาพที่ดี

เนื้อสัมผัสของอูจิมัทฉะแท้มีเนื้อละเอียดนุ่มเหมือนแป้ง ไม่หยาบหรือมีเศษก้านปน เมื่อชงแล้วไม่ควรตกตะกอนเร็วเกินไป และมีรสชาติที่ดีเยี่ยม

Uji Matcha แท้ต้องผลิตในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต หรือพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับการรับรอง สังเกตฉลากที่ระบุแหล่งที่มาอย่างชัดเจน และมีตราประทับรับรองจากสมาคมชาเมืองอุจิ

หากใครที่อยากลองลิ้มรสชาติของ Uji Matcha สามารถมั่นใจในคุณภาพและความแท้ของผลิตภัณฑ์คุณภาพดี สามารถไปได้ที่ร้าน KYO ROLL EN, PEACE 和 ORIENTAL TEAHOUSE และ ร้าน NICO NICO ที่ Gaysorn Village เลย

Subscribe for Gaysorn News & Promotion

This field is for validation purposes and should be left unchanged.
ค้นหาทั้งหมด